-- * Story of My Life * --
PouNdPoN (●>ω<●)

Friday, October 2, 2009

Request for Comment

1. ท่านเรียนรู้อะไรบ้างจากการฝึก juggling

- ฝึกการใช้สมาธิ จดจ่อกับเรื่องใดเรื่องหนึ่ง
- เรียนรู้ที่จะพยายามจนประสบความสำเร็จ
- การทำงานประสานระหว่างมือ สมองและตา

2. ท่านชอบเนื้อหาหรือกิจกรรมใดมาที่สุด โปรดให้เหตุผล

- กิจกรรมเรียนนอกสถานที่ที่ TCDC เนื่อง จากเป็นการเปิดมุมมอง วิสัยทัศน์ให้กว้างไกล เพราะการเรียนในห้องบางครั้งก็ไม่ก่อให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆเท่าที่ ควร และก็ยังอยู่ในกรอบเดิมๆ การที่ได้ไปเห็นสิ่งใหม่ๆ การสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ ก็ทำให้เกิดความคิดที่นอกกรอบมากขึ้น นำความคิดต่างๆมาประยุกต์

3. ท่านคิดว่างานมอบหมายในวิชานี้เป็นอย่างไรเมื่อเทียบกับวิชาอื่นโดยเฉลี่ย โปรดให้เหตุผล

- เท่า กัน เนื่องจากเมื่อเปรียบเทียบเวลาในการทำงานของวิชานี้และวิชาอื่น ก็ใช้เวลาประมาณเท่าๆกัน วิชานี้ถึงแม้ว่าจะไม่มีการสอบ แต่การทำงานแต่ละอย่างก็ต้องใช้เวลาคิดและทำนานพอประมาณ

4. จงอ่านบทความเรื่อง “บทเรียนจากเบิร์กเล่ย์” และเสนอกลยุทธ์ในการพัฒนาตนเองเพิ่มเติมอย่างน้อย 2 ข้อ

- ทำอะไรที่ไม่เคยทำหรือไม่เคยคิดที่จะทำบ้าง(หรืออาจจะเป็นสิ่งที่คุณเกลียดก็ ได้) บางครั้งมันอาจจะทำให้คุณเกิดความคิดใหม่ๆ หรือคุณอาจจะชอบในสิ่งนั้นไปเลยก็ได้ บางครั้งการทำอะไรเช่นนี้ก็ทำให้คุณเรียนรู้อะไรบางอย่างจากตัวคุณเองและ ประสบการณ์เหล่านั้น
- คอยสังเกตสิ่งต่างๆรอบตัวคุณ บางครั้งสิ่งต่างๆรอบตัวเองนั่นแหละ ที่จะเป็นบ่อเกิดของไอเดียใหม่ๆก็ได้ การที่คุณสังเกตสิ่งต่างๆรอบตัวคุณอยู่เสมอ นอกจากจะเป็นประโยชน์กับตัวคุณในเรื่องการใช้ชีวิตแล้ว มันอาจจะเป็นสิ่งที่คุณสามารถนำมาประยุกต์เกิดเป็นไอเดียใหม่ๆขึ้นมาก็ได้ ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่าจริงๆแล้วไอเดียใหม่ๆบางอันก็ไม่ใช่อะไรที่ใหม่ เอี่ยมอ่องซะทีเดียว แต่เป็นการนำความรู้หรือสิ่งที่มีอยู่เดิมมาพัฒนาให้อยู่ในลักษณะหรือรูปแบบ ที่เปลี่ยนไป เช่น อาคารต่างๆ สถาปัตยกรรมต่างๆ บางครั้งก็เอาต้นแบบมาจากต้นไม้ หรือสัตว์บางอย่าง

5. ท่านคาดว่าจะได้รับเกรดอะไร จงให้เหตุผลอย่างละเอียด

- เกรด A เนื่องจากทุ่มเทกับการเรียนในคาบเรียน ส่งงานครบและตรงเวลา ร่วมกิจกรรมในคาบเรียนอย่างเต็มที่

6. ถ้ามีวิชา Innovative Thinking II ท่านต้องการเรียนเนื้อหาอะไร

- เรียนเนื้อหาที่สามารถนำไปใช้ประยุกต์กับชีวิตประจำวันได้จริง และคิดว่าในคาบเรียนควรมีกิจกรรมให้นำความรู้ที่เรียนมามาประยุกต์ใช้เลย เพื่อให้เห็นผลการปฏิบัติจริงจากไอเดียต่างๆ

7. ถ้าท่านเป็นอาจารย์ผู้สอนวิชานี้ ท่านจะตั้งคำถามอะไรและจะตอบอย่างไร

- คำถามคือ ท่านคิดว่าควรมีกิจกรรมอะไรในคาบเรียน lecture นอกจากการตอบคำถาม
- คำตอบคือ คิดว่าควรมีกิจกรรมที่นำความรู้ในคาบเรียนนั้น มาหาไอเดียใหม่ๆหรือสิ่งใหม่ๆ วิเคราะห์อย่างจริงจัง นอกจากนี้ก็ควรให้มีการนำเสนอหน้าห้อง และมีการวิจารณ์จากเพื่อนหรืออาจารย์ด้วย

The 60th Anniversary of Communist China

วันนี้ก็ไม่รู้หรอกว่าเป็นวันเฉลิมฉลองอะไรของจีน
แต่ว่าบังเอิญเปิดโทรทัศน์ไปเจอพอดี
วันที่ 1 กย 2009
เป็นวันที่ชาวจีนเฉลิมฉลองครบรอบ 60 ปี
ของการเปลี่ยนการปกครองเป็นแบบ communist

งานเฉลิมฉลองทำได้ดีมากๆ
ใช้จำนวนคนเยอะมาก
แต่เนื่องจากมีความพร้อมเพรียง จึงออกมาดีมากๆ
และแน่นอน นี่มันประเทศจีนนี่นา
เวลาทำอะไรก็ต้องยิ่งใหญ่และดีที่สุดไว้ก่อน

ที่สำคัญที่งานนี้ทำออกมาดี ก็เพราะว่า
คนที่ออกแบบการแสดงนี้ ควบคุมการแสดงนี้
เป็นคนเดียวกับที่ทำการแสดงใน Olympics 2008 ในจีน
ก็ได้เห็นพิธีเปิดและปิดจากคราวนั้นก็น่าจะพอรู้ว่า
สุดยอดขนาดไหน

ครั้งนี้ก็ดีมากๆทีเดียว
ถ้ายังไงก็หาคลิปดูได้จากที่ต่างๆ

จากปี 1949 ถึงปี 2009

มีหลายสิ่งหลายอย่างในจีนที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก
เช่น คนที่เข้ามาอยู่ในกรุง เพิ่มขึ้นจาก 15% เป็น 54%
นอกจากนี้ก็ยังมี NDP เมื่อก่อน 300 กว่าล้าน เดี๋ยวนี้ก็เพิ่มเป็นประมาณ 1 ล้านล้านได้

คิดดูว่าผ่านมา 60 ปี
ตอนนี้จีนก็เริ่มกลับมามีอำนาจอีกครั้งในด้านเศรษฐกิจและด้านอื่นๆ
จีนมีการพัฒนาที่รวดเร็ว
ถึงแม้ว่าประเทศจีนจะไม่ได้ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยก็ตาม

แล้วประเทศไทยหละ
60 ปีที่ผ่านมา ได้พัฒนาอะไรกว่าเดิมไหม

Wednesday, September 30, 2009

เคยคิดไหมว่า ทำไมคนเราถึงทำแบบนี้ได้

เคยเจอคนที่เราคิดว่าเรื่องนั้นมันประหลาดบ้างมั้ย
น่าจะเคยกันทุกคนนะ

อย่างพวกที่ส่ง msg คุยกันผ่านโทรทัศน์
เราก็คิดว่าประหลาดนะ
ทำไมไม่โทรคุยกันเลยหละ

แต่ก็นะ
คนเรามันก็หลายมุมมอง
แล้วพื้นฐานของแต่ละคนก็ต่างกัน
บางคนก็คิดว่าการทำอะไรอย่างนั้นมันไม่เดือดร้อนใคร
แล้วเค้าก็ไม่ได้ทำอะไรผิด
มันก็จริง

วันหลังก่อนที่จะมองใครประหลาดก็คงต้อง
มองจากหลายๆมุม ก่อนละกัน
อาจจะพบว่า มีคนเป็นแบบนี้เยอะเหมือนกันนะเนี่ย


Friday, September 25, 2009

the last innovative thinking class

For this week class , Teacher Thongchai had continued
his teaching , how to create new ideas ?
and also shared his experience
that he has gone to Singapore and
join a Tony Robbins class.
And i have played Personality Poker Game too.

Continued from last week class, He began the class with assignment
about review of the class and reminded us about previous assignment.

Have talked about assignments , he afterward focus
on teaching. He first talked about Arthur C. Clarke
who is a British science fiction author and he is also inventor and futurist.

His major piece of work,the most famous novel, is "2001:A Space Odyssey"
which he wrote in 1964 ,but the machines or inventions in the story
are so futuristic , some of which is now to be constructed,for example,
idea of space station. Aside from Clarke other scientist or futurist introduce
their idea about it too , consequently, Japan stated that they will
construct it for real.
By the way, this book was made to into a film in the spring of 1968

After the success of his novel,
Clarke continued the 2001 epic with a sequel, 2010: Odyssey Two in 1982
that was also made into film and released in 1984.

There were two further sequels that have not been adapted to the cinema :

Then teacher Thongchai talked about Clarke's quotes about 3 rules:

From the first rule , teacher showed some examples :
Bill Gates once said "64 KB memory is sufficient for everybody"
Nevertheless you hardly or never see PCs that use 64 KB,
we only find ??GB now.

Another example:
a scientist said that there will never
have several tons of metal fly in the sky
And as usual now you can see planes flying high in the sky.

So never care about what others said , just do as you believe.

In addition, this week he also talk about
Tony Robbins' class in Singapore that he have joined.
The class is about how we are out of our usual habits or scope
that we usually are to face new things and experiences.

And teacher also said that there was walking on hot coal in the class
so that people will confront and overcome their fear.

The most instrumental in our body and life is our energy.

Last, we play games which is about cards, but not common cards
it is the personality cards
that has word describing characteristics such as Artistic ,Bossy
You have to exchange cards with your friends
so you would have five cards that are your fittest characteristics
and analyze the result with chart
categorize you in four types : Analyze , Create , Engage, Manage

it's kinda fun , but i think i haven't got the cards that suit me yet then.

การสอบที่ไม่เหมือนครั้งก่อนๆ

ขึ้นชื่อเรื่องอย่างนี้
ไม่ได้แปลว่าข้อสอบยากมหาโหด หรือง่ายมาก
แต่เป็นความรู้สึกชินชากับการสอบไปแล้ว
เนื่องจากการสอบในมหาวิทยาลัยก็ผ่านไปหลายครั้งแล้ว
มาครั้งนี้ ก็เลยรู้สึกแตกต่างออกไป ไม่รู้ทำไม
ก็อ่านบ้าง chill บ้าง
แต่ส่วนใหญ่จะ chill นะ

อาทิตย์ที่ผ่านมาก็สอบทั้งหมด 4 วิชา
ก็อ่าน แล้วก็ชิวสุดๆ ไม่รู้ทำไม
ทั้งๆที่ก็อาจจะอ่านไม่ทันแล้ว

ข้อสอบวิชานึงก็ออกมาแบบหักมุมมากๆ
แต่ก็ทำไปแล้วก็แบบเฮ้อ
ทำไมถึงหักมุมกันอย่างนี้ล่ะ

ก็เอาเถอะมันก็ผ่านไปแล้ว
ที่เหลือก็แค่รอผลสินะ
...

Friday, September 18, 2009

ไม่มีเวลา

จริงๆแล้ว เวลาของเรามันหายไปไหนหมด
เวลาที่จะต้องส่งงานหรือทำงานที่รีบเร่ง
เราคงจะคิดถึงคำถามเหล่านั้น

แต่จริงๆแล้ว
ตัวเราต่างหาก ที่ทำให้เวลามันหายไป กับการไม่ทำอะไรของเรา

ถ้าเราทำอะไรตั้งแต่เนิ่นๆ ไม่หมกเอาไว้

เราก็คงไม่ต้องถามคำถามนี้

Entre ทำพิษ ต่อด้วย SE ตอกย้ำ

อาทิตย์ที่ผ่านมา เป็นอาทิตย์ที่ peak มาก
งานเยอะมากๆ ไม่ใช่งานธรรมดา
แต่เป็นงานกลุ่มที่ต้องมีการ present และทำจริง

จริงๆแล้วอาจารย์ก็สั่งไว้นานแล้ว
แต่ก็นั่นแหละ
มันไม่มีผลต่อการทำงานของเราเลย
ยังไงเราก็จะมาทำวันใกล้ๆอยู่ดี
entre ส่งวันพุธ SE วันพฤหัส

แต่ SE ก็เริ่มทำ coding มาประมาณอาทิตย์นึงได้แล้ว
ก็ทำไปจนเสร็จแบบใช้ได้พอควรวันอาทิตย์
coding กันแหลกมาก ต่อเนื่องยาวนานที่สุดเท่าที่เคยทำมา

ส่วน entre ที่มันหนักหนา ก็เพราะว่า
ต้องตกลงกันก่อนว่าจะเลือกทำธุรกิจอะไร
ซึ่งแค่นี้ก็ยากแล้ว
ต่อจากนั้นก็ต้องมาวิเคราะห์ปัจจัยต่างๆของธุรกิจนั้นๆ
ซึ่งก็ยากเข้าไปอีก แต่ก็โม้ได้
กว่าจะเสร็จ ตกลงหัวข้อที่จะทำได้ ก็นานมาก
เกือบไม่ได้นอน

นอกจากนอนดึกแล้ว ตอนเช้าก็โดนปลุกขึ้นมาอีกต่างหาก

ทำให้ปวดหัวมาก

ต่อจากนั้นตอนเย็น ก็ต้องนั่งทำ SE ต่อ
แต่ไม่ได้เอาคอมมา ก็เลยทำระยะนึง
แล้วก็กลับบ้านไปทำต่อ
แต่พอกลับมาที่บ้าน
ก็นั่งหน้าคอมได้แปบเดียวก็หลับเลย
เพราะว่านอนดึก ตื่นเช้ามาก

ที่สำคัญคือ งานยังไม่เสร็จ แล้วนอนไปแล้ว
ไม่ได้ตั้งนาฬิกาปลุกด้วย
แต่ก็ตื่นขึ้นมาตอนตี 5 มาทำงานต่อ
จนเสร็จประมาณ 7 โมงกว่าๆ ก็นอนต่ออีกนิดหน่อย

แล้วก็ไปเรียน formal
เป็นอะไรที่เหนื่อยมาก

แต่ก็ผ่านไปได้ด้วยดี

ระบบ SE shopmania ของเราก็ได้รับคำชมจากอาจารย์

ไม่รู้จะพูดความรู้สึกนี้ว่า คุ้มค่ากับที่ทุ่มเทมาได้หรือเปล่า

เหอๆ

๛ PouNdPoN (●>ω<●)๛


Wednesday, September 16, 2009

ช้าง หรือ แพนด้า ?!

จริงๆ ตอนนี้เรื่องแพนด้ากำลังมาแรงมาก
จากที่หลินฮุ่ยมีลูก
คนก็ให้ความสนใจกันมาก
สื่อต่างๆ ก็ลงข่าวหรือเสนอข่าวกันมากมาย

แต่จริงๆ แล้วก็อยากจะให้คิดดีๆว่า จริงๆแล้ว
สัตว์ที่เราควรให้ความสนใจมากกว่าแพนด้า
ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของประเทศจีน
ก็คือ

"ช้างไทย"

ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลที่ว่า ช้างเป็นสัตว์ประจำชาติของเรา
หรือ ช้างไม่ค่อยมีคนสนใจ

ซึ่งเหตุผลทั้งสองอย่างนั้นก็เป็นความจริงในปัจจุบัน
ที่เราก็ตระหนักได้เอง

จริงๆ แล้ว เราควรจะให้ความสนใจ เอาใจใส่ แก่สัตว์ประจำชาติ คู่บารมีกษัตริย์
ก่อนจะไปเห่อแพนด้า สัตว์จากต่างประเทศ
ที่ในที่สุดก็ต้องคืนประเทศจีนไป

เราควรให้การสนับสนุนการเข้าชมช้าง
promote ช้างไทย
นอกจากนี้ยังสามารถทำเป็นผลิตภัณฑ์หรืออะไรขายได้อีกด้วย

แต่ก็นั่นแหละ
คนไทยก็บ้าเห่อ กันตามเรื่องตามราว

ก็ลองคิดดูกันเอาเองละกันว่า
ประเทศไทย

แพนด้า หรือ ช้าง !!!

๛ PouNdPoN (●>ω<●)๛


Saturday, September 12, 2009

มาทำสร้อยคอกันเถอะ!!!

ฟังจากหัวข้อ และเรื่องที่โพสต์ก่อนหน้า
ก็คงจะรู้แล้วว่า งานเดี่ยวอันนี้ เป็นสร้อยคอ

เหตุผลที่เลือกทำสร้อยคอ
เพราะว่า เป็นคนที่ชอบ accessories
และสร้อยคอก็ทำไม่ยากจนเกินไป

คงจะอยากรู้กันแล้วว่า
หน้าตาของสร้อยคอจะเป็นยังไง
ก็มีภาพมาให้ดูเล็กน้อย


ขั้นแรก : ขั้นเตรียมอุปกรณ์ และวัสดุ

สิ่งที่ต้องใช้ในการทำสร้อยคออันนี้
1.ลวดอะไรก็ได้ ถ้ามีสีก็จะดีมาก
2. ริบบิ้น หรือสายสร้อยเก่าที่มีอยู่
3. คีมตัดและคีมจับ



ขั้นต่อมา : ขั้นตอนการทำ มีดังนี้
1. ดัดลวดให้เป็นรูปแบบที่ต้องการหรือลายที่ต้องการ
ข้อแนะนำ : ตอนดัดลวดไม่ควรใช้คีมตลอด เพราะอาจจะทำให้ลวดเป็นรอยได้
ควรใช้อุปกรณ์อื่นๆช่วย


2. ทำห่วงจากลวด เพื่อคล้องลวดที่ดัดเป็นลาย กับ สายสร้อย
ซึ่งห่วงจะต้องคล้องไว้กับลวดที่ดัดจากข้อ 1 ดังรูป


3. นำสายสร้อยมาร้อยเข้าไปในห่วงจากข้อ 2






คำแนะนำ : อาจจะร้อยสายสร้อยมากกว่า 1 สาย และเพิ่มลูกเล่นเข้าไป
เช่นการม้วนสาย เพื่อให้เกิดความสวยงามมากขึ้น



เพียง 3 ขั้นตอนง่ายๆ ก็จะได้สร้อยออกมา




innovative class @ TCDC it's so fascinating

กว่าจะไปถึงได้ก็นานอยู่เหมือนกัน
ถ้าไม่เคยมีเพื่อนไปมาก่อน ก็หายากอยู่
เพราะไม่ค่อยได้ไปเดินที่ emporium
แต่พอไปถึงก็ต้องตื่นตาตื่นใจมากๆ
ทางเข้าก็มีงานแสดงของต่างๆ
มีตัวอย่างมาให้ชมก่อนตามภาพด้านล่าง



แค่ทางเข้า ก็มีแต่ของเก๋ๆ เท่ๆ แนวๆ


สัญลักษณ์เป็นภาพของใบตองห่อขนมไทย ไม่รู้ว่าข้างในเป็นอะไร
อาจจะเป็นขนมสอดไส้ หรือข้าวเหนียวสังขยา หรือขนมอื่นๆ

ไปถึงก็ได้รับ sticker สีเขียว ที่ติดให้ผ่านได้ตลอด
ทั้งห้องสมุดและบริเวณนิทรรศการ
ซึ่งตอนนั้นมีนิทรรศการ "ปล่อยแสง" อยู่

เริ่มแรกก็มีพี่ที่เหมือนเป็นไกด์พาชมสถานที่
เข้าไปที่แรก เป็น งานแสดงนิทรรศการ
title คือ WHAT IS DESIGN?


ภาพบรรยากาศข้างในเป็นดังภาพ







ข้างในก็มีเรื่องราวต่างๆ
เกี่ยวกับความคิดในการออกแบบ
เช่น มีอยู่อันนึงที่เป็นโคมไฟที่อาศัยพลังงานแสงอาทิตย์
...
ถ้าใครที่อ่านเลยมาโดยที่ไม่สงสัยอะไร กลับไปอ่านใหม่ที่ตัวอย่าง
โคมไฟที่ใช้พลังงานแสงอาทิตย์

รู้หรือยัง
ก็มันใช้พลังงานแสงอาทิตย์ก็ต้องเป็นตอนกลางวันเท่านั้น
แต่เราจะใช้มันทำไมล่ะ ในเมื่อมันเป็นตอนกลางวัน

นอกจากนี้ก็ยังมีเก้าอี้ผ้าฝ้าย ที่จริงๆอยากจะบอกว่าเหมือนผ้าขี้ริ้ว ที่หมุนได้
มีแจกันนิ่ม และของอื่นๆอีกมากมาย

หลังจากดูนิทรรศการแล้ว
คนอื่นๆก็ไปที่ห้องสมุดของ TCDC กัน

ก็หลงทางเล็กน้อยก่อนไปถึงห้องสมุด
เพราะว่ามัวแต่ถ่ายรูปกัน ก็เลยตามคนอื่นๆไม่ทัน
พอมาถึงห้องสมุด ก็เข้าไปในห้องประชุม


อันนี้เป็นรูปตัวอย่างห้องสมุด (ที่มา: TCDC website)

เป็นห้องสมุดที่น่านั่งมากๆ
เพราะว่าบรรยากาศภายในและการจัดวางรวมถึงเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ
สวยและดูดีมากๆ
และข้างในก็มีหนังสือเกี่ยวกับการออกแบบต่างๆ
เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการหาไอเดียใหม่ๆ
หรือเรียนรู้สิ่งแปลกใหม่มากๆ

มาต่อกันที่เหตุการณ์ต่อ หลังจากที่ตามเข้าไปในห้องสมุด
ก็ไปเข้าห้องประชุมที่อยู่ในห้องสมุด
วันนี้ที่นั่นจะกลายเป็นห้องเรียนของเรา
บรรยากาศภายในห้องเรียนชั่วคราวของพวกเรา


ก็เป็นห้องเรียนที่น่าเรียนดี
ต่อมา อาจารย์ก็ให้โจทย์
กลุ่มเราก็ได้โจทย์ในเรื่องสถานีตำรวจหลังเกิดภัยพิบัติบนโลก

ก็ตกลงกันแล้วก็ไปหาข้อมูล
แต่ก่อนอื่น ก็แว่บไปที่
นิทรรศการ

"ปล่อยแสง 4"
"ตอน Supermarket of Ideas"

ในนิทรรศการ มีเหมือนบูธที่มีของวางอยู่
ซึ่งของแต่ละอย่างที่วางอยู่ของแต่ละร้าน
ก็แนวมาก บางร้านก็น่ารัก
จนอยากจะตามไปดูที่ร้าน
ก็เลยหยิบนามบัตรมาด้วย
ที่ใช้ชื่อว่าปล่อยแสงคิดว่า น่าจะเป็นเพราะว่า
เหมือนกับร้านค้าก็เอาของดีของตัวเองออกมาโชว์กัน
เพื่อเรียกลูกค้า

ก็มีตัวอย่างรูปของบูธร้านที่น่าสนใจเอามาให้ดูกัน






ดูก็เพลินดี อยากได้ด้วย
ก็เก็บนามบัตรมาด้วย
แล้วพอดูเวลา ตายๆๆๆ
เดี๋ยวทำงานที่อาจารย์สั่งไม่ทัน
ก็รีบกลับไปหาข้อมูลต่อ

ได้รับมอบหมาย (ที่จริงมอบหมายให้ตัวเอง)
ให้ดูเรื่องสถาปัตยกรรมต่างๆ เพื่อออกแบบสถานที่
ก็หยิบๆหนังสือมาดู
(แล้วมารู้ทีหลังว่า เค้าไม่ให้เอาเข้าห้อง ก็ต้องรีบไปคืน)
หลังจากนั้น ก็ประชุม สรุปรายละเอียดต่างๆ
รู้สึกว่า กลุ่มของเราจะเฮฮาปาร์ตี้กันมาก
เรื่องความคิดสร้างสรรค์ปนฟุ้งซ่านไม่เกินใคร

ในที่สุด ก็ได้สถานีตำรวจออกมา
โดยมีรายละเอียดดังนี้
พวกเราคิดกันว่าต่อไป โลกจะเกิดภัยพิบัติน้ำท่วมโลก
แต่ยังมีคนรอดชีวิต
และผ่านมาอีกหลายสิบปี
น้ำก็ยังไม่ลดมากนัก

หน้าที่ของตำรวจในตอนนั้นก็ยังคงเป็น
การพิทักษ์ปกป้องประชาชน

เครื่องแบบของตำรวจก็เป็นแบบกะลาสีเรือ
ผู้ชายเป็นเครื่องแบบกะลาสีเรือ แล้วมีชุดเหมือนชุดดำน้ำอยู่ด้านใน
ผู้หญิงเป็นเครื่องแบบกะลาสีเรือแบบ GENIE (SNSD)

คิดกันได้

นอกจากชุดตำรวจจะเก๋ไก๋ขนาดนี้แล้ว
ชุดนักโทษก็ไม่แพ้กัน โดยชุดนักโทษหญิงและชาย
จะเป็นชุดราตรี โดยเฉพาะชุดผู้หญิงจะเป็นชุดยาวราตรีงดงาม ยาวรุ่มร่าม
เราก็มีเหตุผลที่ต้องให้ชุดนักโทษเป็นอย่างนี้ ซึ่งจะเขียนถึงต่อไป

ยานพาหนะของตำรวจ จะเป็น Jetski และ Banana Boat!!!

สถานีตำรวจเป็นอาคารที่อยู่บนเรือ
เคลื่อนย้ายที่ได้ ภายในอาคาร ตกแต่งสวยงาม
และใช้ประโยชน์ได้ เพื่อให้ใกล้ชิดประชาชนมากขึ้น
โดยที่ข้างล่างเป็นคุกเป็นเหมือนลูกๆห้อยอยู่ด้านล่างเรือ
โดยแต่ละลูกก็จะเป็นที่อยู่ของนักโทษหนึ่งคนเท่านั้น
ที่สำคัญคุกอยู่ในน้ำ เพราะฉนั้นนี่จึงเป็นสาเหตุที่ว่า
ทำไมชุดนักโทษถึงต้องเป็นชุดราตรี
เพราะว่าถ้านักโทษออกมาได้ ก็จะเด่นมาก เห็นแต่ไกล
แล้วชุดก็รุ่มร่าม เคลื่อนที่ไม่สะดวก

นอกจากนี้ นักโทษเรายังมีเครื่องประดับคือสร้อยคอ
แต่ไม่ใช่สร้อยคอธรรมดา เป็นสร้อยคอที่มี censor
และเมื่อออกนอกเขตขัง มันจะระเบิดออก
(โหดได้อีกอ่ะ)

ให้นักโทษใส่ชุดราตรีแล้ว ห้องขังนักโทษ
ก็ตกแต่งอย่างงดงาม เพื่อให้เข้ากับชุด

หลายๆคนคงคิดพวกนี้นี่ฟุ้งซ่านกันจริง

ต่อจากนั้นก็มาดู flow งานของตำรวจของเรากัน
เริ่มจาก เมื่อมีคนเข้ามาติดต่อ ตำรวจก็จะรับเรื่อง
และเมื่อมีเหตุด่วน ตำรวจก็จะ slide ลงมา
ตามทาง slider แล้วก็ไปลงที่ jetski หรือ banana boat
แล้วก็ซิ่งต่อไปยังที่เกิดเหตุ
ซึ่งในการซิ่งไป ถ้าได้นั่ง banana boat ก็จะต้องโบกมือไปด้วย
เพื่อภาพลักษณ์ที่ดีของตำรวจ
และเพื่อเพิ่มความสนิทสนมกับประชาชน

เป็นอย่างไรบ้างกับสถานีตำรวจของกลุ่มของเรา
แล้วสถานีตำรวจในอนาคตในความคิดของคุณหละ???

ต่อจากนั้นก็เดินเข้าไปดูใน shop ใน TCDC
ซึ่งก็รู้อยู่ว่าจะต้องมีของเก๋ๆ เท่ๆ แน่
แต่ราคาก็ไม่แพ้กันเหมือนกัน เลยไม่ได้ซื้ออะไรกลับมา

สุดท้าย ใครที่ยังไม่เคยไปที่ TCDC
แล้วอยากหาไอเดียใหม่ๆ หรือว่าอยากเปลี่ยนที่อ่านหนังสือใหม่ๆ
ก็อยากจะแนะนำให้ไปที่ TCDC
ถ้าไปครั้งแรก จะเข้าชมนิทรรศการได้ฟรี เมื่อแสดงบัตรประชาชน
(แต่ถ้าเข้าห้องสมุด ต้องเป็นสมาชิกเท่านั้น)


Wednesday, September 9, 2009

project เดี่ยว จะทำอะไรดี!!!

ในที่สุดหลังจากคิดมานานว่าจะทำอะไร
ก็เป็นอันตกลงกับตัวเองได้ซักทีว่าจะทำ

"สร้อยคอ"

แต่ตอนแรก ก็ว่าจะทำเป็นสร้อยคอที่ทำจากผ้า

แต่ทำไปทำมา
มันออกมาไม่สวย

ก็เลยเปลี่ยน
เป็นสร้อยที่ดูเรียบง่าย

จะเป็นยังไงก็ต้องติดตามกันต่อไป

Monday, September 7, 2009

คำถาม คำถาม คำถาม

วันศุกร์ที่ผ่านมา
ก็ได้เล่นเกม
ตอนแรกที่ได้ยินว่าเป็นเกมถามคำถาม
ก็นึกว่า เหมือน 20 คำถาม
ก็นึกว่าง่ายๆ

แต่ไม่ใช่
เป็นเหตุการณ์จำลองที่ให้รายละเอียดมาแค่บางส่วน
เช่น รัฐบาลให้บิสกิตแก่เจ้าพนักงานของรัฐคนหนึ่ง ก่อนออกปฏิบัติหน้าที่

หรือ

ที่ข้างสระว่ายน้ำ มีคนนอนตายอยู่ และมีผ้าพันอยู่รอบใบหน้าของเขา

ก็ให้ถามคำถาม โดยที่คนตอบจะตอบแค่ใช่หรือไม่

กลุ่มที่เล่นด้วยกัน นี่แบบว่า จริงจังมาก
ก่อนถามนี่คิดสุดๆ ว่าคำถามจะถามยังไง
ถามแบบนี้ ซ้ำกับที่เคยถามไหม
จริงจังกันมาก

แต่มีคำถามอันนึงที่ถามแค่คำถามเดียว ก็คือ
ผู้ชายคนหนึ่ง เมื่อไปยังสนามบิน เขาต้องถอดรองเท้าเสมอ
ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น

ฮ่าๆ อันนี้ อ่านปุ๊บรู้ปั๊บ
จะให้เฉลยเลยไหม

ยังไงก็ลองทำดูนะ

เฉลย
รัฐบาลให้บิสกิตแก่เจ้าพนักงานของรัฐคนหนึ่ง ก่อนออกปฏิบัติหน้าที่
เพราะว่าเป็นไปรษณีย์ เลยให้บิสกิต ไปให้หมาตอนเช้า หมาจะได้ไม่กัด

ที่ข้างสระว่ายน้ำ มีคนนอนตายอยู่ และมีผ้าพันอยู่รอบใบหน้าของเขา
เพราะว่า ตึกที่เขาอยู่ไฟไหม้ เขาก็เอาผ้ามาพันกันควัน
แล้วจะกระโดดลงสระว่ายน้ำ แต่พลาดไป

ผู้ชายคนหนึ่ง เมื่อไปยังสนามบิน เขาต้องถอดรองเท้าเสมอ
เพราะว่าที่สนามบินมีเครื่องตรวจโลหะ เขาอาจจะมีโลหะอะไรบางอย่างติดตัวอยู่
ก็เลยต้องถอดรองเท้า ตามคำสั่งของยามในสนามบิน
เพื่อตรวจเช็ค

Wednesday, September 2, 2009

การใช้คำสุ่ม (ต่อจากแพร่งความคิด)และการหามุมมองที่หลากหลาย

การใช้คำสุ่มเพื่อหาความคิดสร้างสรรค์
วิธีมีดังนี้
- กำหนดปัญหา และหัวข้อที่ต้องการ
- เลือกคำนามอย่างสุ่มเพียงคำเดียว อย่าเปลี่ยนคำ
- มองหาแนวคิด คุณค่าที่เกี่ยวข้องกับคำนั้น
- ประยุกต์แนวคิดปัญหาหรือหัวข้อที่ต้องการ

โดยหาคำสุ่มได้จาก
หนังสือทั่วไป พจนานุกรม วัตถุ

ก็ลองทำดู
เริ่มที่ บริการถ่ายภาพ ได้คำว่า กลุ่ม
ให้บริการเป็นกันเอง
บริการตนเอง
ถ่ายภาพกลุ่ม
บริการช่างกล้องเป็นกลุ่มตามแนว

ต่อมา เกมส์ออนไลน์แบบใหม่ ได้คำว่า หนัง (movies)
มีการผสมผสานเกมส์เข้ากับเนื้อเรื่อง เหมือนการดูหนัง
สร้างภาพให้เหมือนจริง หรือทำให้น่าดู
เนื้อเรื่องสนุก
ขายพร้อมหนัง

บริการโทรศัพท์มือถือแบบใหม่ ได้คำว่า ความรัก (แอบคิดในใจ : โอ๊ะง่าย)
มีเบอร์คู่ โทรถูก
ส่ง msg ถูก
ถ้าอยู่ใกล้กัน จะขึ้นรูปที่ต้องการทั้ง 2 เครื่่อง
ถ้าอยู่ใกล้กัน จะมี msg มาบอกว่าอีกคนอยู่แถวนั้น

ต่อมาเป็นกลยุทธ์สุดท้าย ต่อจากแพร่งความคิด
การหามุมมองที่หลากหลาย
โดยใช้การระดมสมอง (Brainstorm)
หรือ Six Thinking Hat

ซึ่งการระดมสมองมีกฎต่างๆดังนี้
แสดงความคิดอิสระ
ยิ่งแปลกยิ่งดี
ไม่วิจารณ์
ปริมาณมาก่อน

แต่ก็มีปัญหาคือ
ความคิดน้อย
การวิจารณ์
ไม่กล้าพูด

และก็ได้ดูการทำงานของบริษัท IDEO ในการออกแบบ
รถเข็นใน supermarket แบบใหม่
ซึ่งใช้การระดมสมองกัน

และหลักการ Six Thinking Hat
ซึ่งในการร่วมกันคิดสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ให้ใส่หมวกสี
โดยหมวก 6 สี แต่ละสีมีความหมายดังนี้
ขาว -> fact
เหลือง -> มองข้อดี
แดง -> อารมณ์ ความรู้สึกแวบแรก
ดำ -> ข้อเสีย ระวัง ความเสี่ยง
น้ำเงิน -> การวางแผน

คุณก็ลองนำหลักการเหล่านี้ไปใช้ดูบ้างสิ
เผื่อจะได้ความคิดอะไรดีๆ และอย่าลืมที่จะทำมันด้วย
ลงมือทำ อย่าเอาแต่คิด

Tuesday, September 1, 2009

อาทิตย์หฤโหดกับรถที่กลายเป็นเรือ

ตั้งชื่อเรื่องอย่างนี้อาจจะคิดว่าเรื่องอะไรกัน
ทำไมต้องตั้งชื่ออย่างนี้ด้วย
ก็ต้องอ่านต่อไปนะ

อาทิตย์ที่ผ่านมา
มีงานมากมายมาก
นอกจากงาน proposal ที่พูดถึงไปแล้ว
ก็ยังมีการสอบ present แล้วก็มีงาน SE
แล้วก็มีการบ้าน parallel coding เยอะไปหมด

แล้วก็มีงานกีฬาสีอีก
พูดไป แต่ก็หมกงานไว้เองแหละ

อาทิตย์ต่อๆไป ก็คงจะหฤโหดเหมือนเคย

นอกจากงานจะเยอะแล้ว
เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
เพราะว่าต้องทำ presentation ของ senior ก็เลยต้องอยู่ดึก
เสร็จก็ประมาณ 4 ทุ่ม
ที่บ้านก็จะมารับ ก็รอ
ฝนก็ตก
ก็เลยรอข้างบน
รอนานกว่าที่เคยรอ ก็เลยลองโทรไปถามว่า
ขับรถถึงไหนแล้ว
พ่อ ก็ตอบกลับมาว่า
น้ำท่วม วิ่งได้ช้า
แล้วคำที่ทำให้ตกใจมาก และขำด้วย ก็คือ

ตอนนี้ รถจะกลายเป็นเรืออยู่แล้ว

แล้วพ่อก็บอกอีกว่า มีรถบางคันจอดตายอยู่
ก็ อ่าว เอาแล้วไง ไม่ต้องมารับแล้วก็ได้
เดี๋ยวรถเจ๊งนะ แต่ก็มาแล้ว แก้ไขอะไรไม่ได้
ก็ต้องรอต่อไป
มาถึงประมาณ 5 ทุ่มเกือบครึ่ง
ข้างล่างถนนตรงตึก 4 ก็มีน้ำท่วมขึ้นมาเล็กน้อย
ก็เลยไม่ได้คิดอะไร
พอวิ่งต่อไป อีกนิดหน่อย
ออกมาทาง seven ตรงโรงอาหาร

เท่านั้นแหละ

ฮ่าๆ

รถกลายเป็นเรือไปแว้วววว

น้ำท่วมขึ้นมาบนฟุตบาทเลยอ่ะ

แล้ววิ่งต่อไป ก็ท่วมสูงมาก กรวยกั้นถนน ก็ลอยเกะกะขวางทางรถ
จะลงไปเอาออก น้ำก็ท่วม ก็ต้องขับรถ หลบมันอย่างระวัง
ออกมานอกจุฬา ก็ท่วมน้อยลง แต่ก็ยังมีบางจุดที่ท่วม
พอวิ่งๆไปตามถนนสาทร ก็ไม่ท่วมและ
พ่อบอกว่า มันเป็นถนนใหม่ เค้าน่าจะวางระบบระบายน้ำดี
โอ้ ความรู้ใหม่ ถ้าวันไหนฝนตก ให้วิ่งเส้นทางที่เป็นถนนใหม่
แต่พ่อบอกว่า ขามามหาวิทยาลัย วิ่งถนนสีลม
ซึ่งก็เป็นถนนใหม่เหมือนกัน
แต่น้ำท่วมร้ายแรงมาก

อ่าว ยังงี้ ทฤษฎีเมื่อกี้ก็ไม่จริงน่ะสิ

หลังจากเข้าถนนสาทร วิ่งไปเรื่อยๆ จนถึงบ้าน
การเดินทางเป็นไปด้วยดี
น้ำไม่ค่อยท่วมแล้ว
ก็ดีแล้วแหละ

ไม่งั้นไม่รู้ว่ารถจะเป็นไงบ้าง


Monday, August 31, 2009

งานกีฬาสี เหนื่อยมากๆ แต่ก็คุ้มค่า

งานกีฬาสีที่ผ่านมา หลายๆคนก็คงรู้แล้ว ว่าเราไปทำอะไร
ฮ่าๆ
อยากจะบอกว่า อาทิตย์ที่ผ่านมา และต่อไปอีกหลายอาทิตย์ข้างหน้า
จะเป็นอาทิตย์ที่ยุ่งมากทีเดียว
แค่อาทิตย์นี้
ก็ต้องซ้อมการแสดงในงานกีฬาสี
และก็ต้องส่ง senior project proposal

แล้วก็ต้องทำ SE ด้วย

เป็นอาทิตย์ที่หนักมาก
แต่ตอนซ้อมการแสดง สนุกมาก
รู้สึกว่า อยากทำอะไรแบบนี้อีก
ดูไม่วิชาการดี ได้ออกกำลังกายอีกด้วย
ได้รู้จักเพื่อนเพิ่มขึ้น เพื่อนที่เคยแต่ทักแบบยิ้มๆกันเฉยๆ
ก็คุยเล่นกันได้มากขึ้น เฮฮากันมากขึ้นกว่าเดิม

จริงๆ ก็เพิ่งจะรู้ว่า
ทุกกิจกรรมที่ทำ
ไม่ว่าเราจะชอบหรือไม่ชอบ มันก็ให้ประโยชน์กับเราทั้งนั้น
เป็นประสบการณ์ในชีวิต

ต่อไป ก็พยายามที่จะทำอะไรที่ไม่ชอบให้ผ่านไปได้ด้วยดี
ไม่ล้มเลิกซะก่อน



อีกอย่างนึง ขอบคุณเพื่อนๆทุกคนที่ร่วมกันทำกิจกรรมสนุกๆ
ในงานกีฬาสี แล้วก็ข้างนอกชั้น 19 ตอนเย็น เห็นท้องฟ้าสีสวยมาก
เห็นนกบินอย่างใกล้ชิด ตอนกลางคืนก็สวยมาก
ได้เห็นกรุงเทพอีกมุมมองหนึ่ง



Friday, August 28, 2009

แพร่งความคิด

กลยุทธ์ในการเชื่อมโยงอย่างอิสระ
รู้จักแพร่งความคิด
จากที่เรียนมา คิดว่า น่าจะเป็นการที่เรามีความรู้มากมาย หลายสาขา
จนสามารถรวมมันเข้าด้วยกัน กลายเป็นความคิดใหม่ๆขึ้นมา

เช่น DUNE เป็นนิยายที่่แต่งโดย Frank Herbert(1920-1986)
ซึ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับ
การเดินทางในอวกาศ ยาเสพติด นิเวศวิทยา
การดำรงชีพในทะเลทราย พันธุวิศวกรรม
ศักยภาพของมนุษย์ ปรัชญา จิตวิทยา การเมือง และศาสนา

เนื้อเรื่องเป็นเรื่องที่เกิดจากจินตนาการของ Frank
คุณลองคิดดูว่า เมื่อเกือบ 90 ปีก่อน จะมีคนที่คิดเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้
ที่อาจจะเกิดขึ้นจริงได้ ในอีกหลายๆปีข้างหน้านี้ได้

ซึ่งนิยายเรื่องนี้ก็โด่งดังมาก จนนำมาสร้างเป็นหนังทั้ง series และหนังโรง

เบื้องหลังที่ทำให้ Frank สามารถที่จะสร้างนิยายแบบนี้ได้
ก็เป็นเพราะว่า Frank มีความรู้ในหลายๆด้าน
ที่เค้าเคยได้ทำมาในสาขาอาชีพของเขา

และรวมถึง Mike Oldfield ที่เป็นผู้สร้างเพลง Tubula Bell ที่เป็น
OST ของหนังเรื่อง Exorcist
หรือแม้แต่ Sir Richard Branson ที่เป็นเจ้าของ Virgin
ที่ตั้งสายการบิน Virgin Atlantic ขึ้นมา เนื่องจากเหตุการณ์เล็กๆเพียงนิดเดียว
ที่คนอย่างเรา อาจมองข้าม แต่ Sir Richard ไม่
เขากลับมาคิดหาเหตุ และตัดสินใจที่จะก่อตั้งธุรกิจสายการบินขึ้นมา

สิ่งที่ทุกคนที่กล่าวถึง มีเหมือนกัน คือ ความรู้ในหลายสาขา ที่นำไปสู่ความคิดใหม่ๆ
ความรู้ในหลายสาขานี้ จะก่อให้เกิดความคิดผสมผสาน

และบางทีแหล่งความรู้ที่ดีที่สุดของเรา ก็คือ ธรรมชาตินี่แหละ
เช่น สถาปัตยกรรมอาคาร Eastgate ในซิมบับเว
ที่เลียนแบบจอมปลวก ทำให้ไม่ต้องใช้แอร์
และอาคารนี้ก็ทำให้คนออกแบบได้รับรางวัลงานออกแบบอาคารยอดเยี่ยมด้วย

การที่เราจะมีความรู้ในหลายสาขา หรือทลายกรอบความเคยชิน
หรือทำลายสิ่งกีดขวางความคิดสร้างสรรรค์ของเราได้
เราต้องทำดังนี้
พูดคุยกับคนนอกศาสตร์ จะทำให้เราได้รับมุมมองที่แตกต่างออกไป
ทำกิจกรรมที่ไม่เคย
การกระตุ้นอย่างสุ่ม ซึ่งจะพูดถึงต่อไป
และการอุปมาอุปไมย

การอุปมาอุปไมย
คือการเปรียบเทียบของสิ่ง 2 สิ่ง
เช่น การสมัครงานกับการใช้บริการ BTS ซึ่งได้ดังนี้
มาก่อนได้ก่อน
มีคำแนะนำ แต่ต้องทำเอง
เส้นทาง fixed ถ้าจะไปทางอื่น ก็ต้องเดินไปเอง ขวนขวายเอง
มีจุดหมายปลายทาง แต่สามารถขยายต่อเพิ่มได้
คุณก็ลองคิดดูเอาเพิ่มเองอีกละกัน ว่า 2 สิ่งนี้มีอะไรที่เหมือนกันอีก



Sunday, August 23, 2009

ฝนหนอ ฝน

วันก่อนกลับเย็นมาก ถึงบ้านประมาณทุ่มครึ่ง
ก็เห็นฟ้าแลบมาแล้วแหละ
แล้วตอนข้ามถนน ก็เกิดเรื่องประหลาดขึ้น
ก็คือ
อยู่ดีๆ ไฟข้างถนนก็ดับพรึ่บ
เฮ้ย ทำไงหละ เกิดอะไรขึ้น

จริงๆ ก็ไม่มีอะไร เพราะว่า
ฟ้าแลบทำให้เกิดไฟสว่าง
จน censor รับความสว่างของไฟข้างถนน
นึกว่าสว่าง ไฟก็เลยดับ

คิดได้ ก็เดินต่อ เข้าซอย
เดินไปไม่กี่ก้าว ฝนก็เริ่มตก
และในที่สุด
ก็ ครืน โครม
อย่างกับเทน้ำลงมา
เอาร่มมาก็ทำอะไรไม่ได้ ต้องหาที่หลบ
เพราะถือของที่เปียกไม่ได้ด้วยสิ

ทำไงดี
ก็เจอที่หลบ ก็ไปหลบ
แต่ไม่เลย
ลมพัดแรงอีก ฝนก็มาโดน
เปียกตั้งแต่เท้าขึ้นมา จนถึงประมาณต้นขาแล้ว
ทำไงดี
ก็เริ่มโทรหาที่บ้าน ให้เอาร่มใหญ่มารับ
แต่เดี๋ยวฝนก็คงเริ่มซาแล้วมั้ง

คิดอยู่ประมาณ 10 นาที
มันไม่มีทีท่าว่าจะเบาลงเลย
ก็ิเลย โทรเลยแล้วกัน

ตอนนั้นก็เปียกเยอะแล้ว
ก็รอให้คนที่บ้านมารับพร้อมร่มคันใหญ่

ในที่สุดก็มา เดินเข้าซอย น้ำก็ท่วม เบื่อมากๆ
สุดท้ายก็ถึงบ้านโดยที่ตัวเปียกไปกว่าครึ่ง

โชคร้ายจริงๆ

Saturday, August 22, 2009

การหา idea ใหม่ (continued)

หลังจาก 2 อาทิตย์ก่อนหน้า ก็เป็นเรื่องการหา idea ใหม่ด้วยวิธีต่างๆ เช่น
การย้อนกลับสมมติฐาน

แต่ในอาทิตย์นี้
เริ่มที่กลยุทธ์การเชื่อมโยงอย่างอิสระ
คำหลัก - แพร่งความคิด
ซึ่งได้กล่าวถึงผู้ที่มีชื่อเสียงในด้านความคิดแปลกใหม่ เช่น
Frank Herbert ผู้แต่งเรื่อง DUNE
Sir Richard Branson เจ้าของ Virgin
Mike Oldfield เจ้าของเพลงจาก Tubular Bells
Deepak Chopra เจ้าของวิธีการทางแพทย์รักษาอาการเจ็บป่วยด้วยตนเอง

ซึ่งมีความรู้หลายสาขา จึงทำให้นำไปสู่ความคิดใหม่ๆ
ซึ่งความคิดสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 แบบคือ
แบบเฉพาะทาง พูดง่ายๆคือ เหมือนศาสตร์ที่ได้รำเรียนมา เป็นแนวเดียว
และแบบผสมผสาน คือการนำความรู้ที่มีอยู่ มาประยุกต์เกิดเป็นสิ่งใหม่ๆ

สิ่งที่เกิดจากความคิดผสมผสาน นอกจากที่กล่าวมาแล้ว ยังมี
Eastgate Building ในซิมบับเว ที่เลียนแบบจอมปลวก
เนื่องจากเป็นอาคารที่ไม่ติดแอร์
Magic:The Gathering หรือ Magic Card
ที่สร้างโดยนักคณิตศาสตร์ Richard Garfield
ซึ่งเราจะต้องผจญภัยกับแพร่งความคิดต่างๆ
ก่อนที่ความคิดจะตกตะกอน เกิดเป็นความคิดที่ดี

ต่อจากนั้นก็เป็นการสร้างแพร่งความคิด
ซึ่งกล่าวถึงการขจัดสิ่งกีดขวางการเชื่อมโยง ดังนี้
  1. พูดคุยกับคนนอกศาสตร์
  2. ทำกิจกรรมที่ไม่เคย
  3. อุปมาอุปไมย
  4. กระตุ้นอย่างสุ่ม
การอุปมาอุปไมย เช่น เรื่องการสมัครงานกับการใช้บริการ BTS
มีอะไรที่เหมือนกัน
มาก่อนได้ก่อน
มีขั้นตอน คำแนะนำบอก แต่ถ้าจะทำต้องทำเอง
เส้นทาง fix แต่ถ้าจะไปทางอื่น ก็ต้องหาเอง
มีจุดหมายปลายทาง แต่สามารถขยายต่อเพิ่มได้

และยังมีตัวอย่างสถาปัตยกรรมอีกอย่างที่บ่งบอกถึงแนวความคิดใหม่
คือ Gateshead Millenium Bridge ในประเทศอังกฤษ
ที่ออกแบบโดยเลียนแบบจากเปลือกตา

นอกจากนี้ก่อนพัก อาจารย์ก็ได้สอนท่าโยน juggling ท่าใหม่
over the top
ฮ่าๆ ท่าเดิมยังทำไม่ได้เลย

Monday, August 17, 2009

อากาศหนอ อากาศ

ช่วงที่ผ่านมา มีใครสังเกตบ้างว่า
อากาศทำไมมันร้อนแบบนี้

ฝนก็ตกนะตอนกลางคืน
แต่ตอนกลางวันนี่แบบ ร้อนมาก
ลมก็ไม่ค่อยมี
เดินออกไปตอนบ่ายๆ ถ้าไม่เดินในร่ม
ก็อาจจะสุกได้เลยทีเดียว

เพราะฉนั้นสิ่งที่เราทำได้ก็คือ
การทาครีมกันแดด ก่อนออกจากบ้าน
หาที่อยู่ที่เย็นๆ

และที่สำคัญมากๆ ก็คือ ช่วยกันลดการใช้ทรัพยากรต่างๆที่ทำร้ายโลกของเรา
และร่วมกันปลูกต้นไม้

ช่วยกันลดโลกร้อน

Stop Global Warming

Saturday, August 15, 2009

innovative thinking และวิทยากร 2 คน

วันศุกร์ที่ 14 สิงหาคม คาบเรียน innovative thinking
ได้มีวิทยากรถึง 2 คนในคาบเรียนเดียว
คนแรกคือคุณศณพงษ์ ธงไชย เป็นผู้ก่อตั้งองค์กรนักประดิษฐ์ไทย
ได้มาพูดถึงเรื่อง นวัตกรรมต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องอวกาศ และนวัตกรรมสังคม
เรื่องอวกาศ ได้พูดถึงเรื่องการแข่งขัน
ที่ถ้าหากใครทำยานที่บินขึ้นเหนือพื้นโลกมากกว่า 100 km และมีนักบิน 1 คนได้
ก็จะได้รางวัล 100 ล้าน ไม่แน่ใจหน่วยเงิน
การแข่งขันนี้ก็ได้ผ่านไปแล้ว ซึ่งก็มีคนทำได้
เป็นคนเยอรมัน ยานชื่อ Virgin Galactic

ต่อจากนั้น ก็ยังมีการประกวด แต่เป็นให้มีคนอยู่ในยานได้ 3 คน
ก็ยังคงประกวดกันอยู่

นอกจากนี้ก็ยังมีเรื่องต่างๆ เช่น
0 Kelvin (-273.15 celcius) จะทำให้โมเลกุลหยุดนิ่ง
กล้อง Hubble ดูไปได้ไกล 20 พันล้านปีแสง
แม่เหล็กขั้วเหนือและขั้วใต้ ดึงดูดด้วยแรงที่ไม่เท่ากัน

ยานบินใช้แม่เหล็ก ใช้พลังงาน 8 GKW
คนคุมด้วยนิ้ว หยุดโดยใช้พลังงานแม่เหล็กต้าน
การหลบหลีกวัตถุ ให้ใช้แม่เหล็กขั้วลบ
การหลบหลีกหลุมดำ ให้ใช้ speed เร็วกว่าแสง

ต่อมาเป็นเรื่องนวัตกรรมสังคม
มีหลักดังนี้
  1. ทำยากให้ง่าย
  2. เปลี่ยนแปลงในทางสร้างสรรค์
  3. ยกระดับศึล จริยธรรม
  4. ทดแทนการนำเข้า
  5. ภาคการผลิตจริง
นอกจากนี้คุณศณพงษ์ ก็ยังให้กินลำไยที่เขาทำเอง
เป็นการนำลำไยไปอบที่ความร้อน 40 องศา
เป็นลำไยที่มีน้ำเกลืออยู่ข้างในเนื้อของมัน
กินแล้วจะได้ไม่ร้อนใน
และยังให้กินเม็ดมะรุม ที่มันฉุนๆ ติดลิ้น

พอจบการบรรยายของคุณศณพงษ์ ก็เป็นช่วงพัก
ก็ได้กินขนมไทยกัน ซึ่งคุณพลศักดิ์ ปิยะทัต วิทยากรคนที่สองซื้อมาให้กินกัน
(ขอบคุณมากค่ะ ขนมอร่อยมาก)

คุณพลศักดิ์ เป็นผู้สร้างเครื่องฟอกอากาศ เป็นผู้ก่อตั้งบริษัท alpine
ซึ่งขายเครื่องฟอกอากาศดังกล่าว ซึ่งเครื่องฟอกอากาศนี้ได้ไปชนะระดับโลกมาด้วย
มาวันนี้ คุณพลศักดิ์ ก็ได้พูดถึงเรื่อง Innovation to Commercial

การสร้างนวัตกรรมต้องคำนึงถึง
technology , พาณิชย์ , การยอมรับของผู้ซื้อ , สิ่งแวดล้อม

ปัญหาและอุปสรรคของนักประดิษฐ์ไทย
  1. บุญหรือกรรม ที่เกิดมาเป็นคนไทย เนื่องจากพอพูดว่าเป็นคนไทย คนต่างชาติก็ไม่ค่อยยอมรับ
  2. มักชอบดูแคลนคนไทยด้วยกัน
  3. มีแต่ความอคติ
  4. รัฐไม่สนับสนุน
  5. ชอบบอกว่าของไทย ไม่มีมาตรฐาน
  6. ระบบการศึกษาไทย มีแต่สอนให้เป็นลูกจ้าง
  7. ต้นทุนสังคมต่ำ
ซึ่งพอได้ฟังเรื่องดังกล่าว ก็คิดๆดู ก็เห็นจะเป็นความจริง

ต่อมาก็ได้พูดถึงองค์ประกอบที่ทำให้ประสบความสำเร็จ ซึ่งมีดังนี้
  1. รูปแบบผลิตภัณฑ์
  2. เทคโนโลยี
  3. การยอมรับของผู้ใช้
  4. ไม่ก่อให้เกิดปัญหาสิ่งแวดล้อม
  5. การวางแผนในเชิงการตลาด
  6. ต้นทุนการจัดการต่ำ
  7. ลอกเลียนแบบ
  8. ฉ้อโกง
  9. การใช้อำนาจ
  10. ความเป็นอัจฉริยะ
และในครั้งนี้ก็ได้รับรู้ความจริงอีกอย่างว่า
ในจำนวนธุรกิจใหม่ขนาดเล็กทั้งหมด
มากกว่า 50% จะล้มภายใน 1 ปี
และ 95% จะล้มภายใน 5 ปี

นอกจากเรื่อง innovation to commercial แล้ว
ก็ยังคุยเรื่องการปั่น google อีกด้วย



แต่คาบเรียนนี้ เรียนไม่ค่อยมีประเด็นเท่าไหร่
เนื้อเรื่องกระจัดกระจาย

Wednesday, August 12, 2009

REC CAMP กับการเดินป่าสุดโหด

วิชาเลือกวิชานี้ต้องมีการไปค่าย
และคราวก่อนๆก็ได้ลงเรื่องการสอบการกางเต๊นท์ไปแล้ว

เมื่อวันที่ 8-10 สิงหาคม ก็ต้องไปค่ายของจริง
ก็เตรียมของไป คราวนี้เตรียมของไปน้อยกว่าไปเที่ยวปกติ
แล้วกระเป๋าก็เล็กทีเดียว
เอาแต่ที่จำเป็นไป

ก็ออกเดินทางจากกรุงเทพ ตอนประมาณ 8.30 am
จุดหมายปลายทางอยู่ที่ อุทยานแห่งชาติกุยบุรี ประจวบฯ
เดินทางนานมาก เพราะแวะปั๊มบ่อยมาก

และด่านความทรมานด่านแรก ก็คือ
การกินข้าวในรถ ไม่แอร์
ก็คิดดูว่า กินข้าว ในรถที่ลมพัดแรงมาก และโยกไปมา
ต้องเกร็งกันสุดชีวิต กลัวข้าวหกเลอะ
แต่ก็ผ่านไปได้

เมื่อไปถึงอุทยาน
ก็ต้องกางเต๊นท์
ต้องเลือกทำเลเอง ก็เลือกๆกัน
ทำเลที่เลือกอยู่ติดห้องน้ำที่สุด
และตอนแรกไม่มีใครอยู่ใกล้เลย แต่ตอนหลังก็เริ่มมีมาอยู่ติดๆกัน
ก็กางเต๊นท์ไปไม่ยากเย็น
เต๊นท์ใหญ่มาก และดีมาก ต้องขอบคุณ บีมด้วยสำหรับเต๊นท์

หลังจากกางเต๊นท์เสร็จ อาจารย์ก็เรียกรวมกัน
ทุกกลุ่มต้องทำอาหารกินเอง
แต่อาจารย์ลืมเอาหม้อสนามมา (ถือเป็นโชคดีนะนั่น)
ก็เลยให้ใช้หม้อ กับกระทะ
โดยต้องทำเมนูผัดพริกแกงถั่ว กับต้มยำกุ้ง

ตอนทำ ตื่นเต้นมาก
และที่เด็ดสุดๆ ก็คือ
ตอนทำต้มยำกุ้ง
ไฟมันเริ่มมอดแล้ว ตอนจะเริ่มทำ ก็ใส่ถ่านเพิ่ม
แล้วก็มีเทถ่านในถุงลงไป แต่ปรากฏว่าในถุงมีไฟแช๊คอยู่
อ่าว ทำไงอ่ะทีนี้ ดุ่ยก็พยายามเขี่ยออก แต่ไม่สำเร็จ
ปรากฏหลังจากไฟแช๊คตกลงไปได้ไม่นานนัก
ก็เกิดไฟลุกพรึ่บขึ้นมา ฮ่าๆๆ
แต่ไม่ได้ไหม้อะไร แล้วไฟก็เผาไหม้ปกติไป

ต่อจากนั้นก็ทำต้มยำกุ้งปกติ แต่ตอนปรุงนี่สิ
มันไม่อร่อยซะที
ก็ปรุงๆกัน ใส่มะนาวเทียมไปประมาณ ครึ่งขวด น้ำปลาประมาณเยอะอยู่
นอกจากนี้ก็ยังมี นมตราหมีไวท์มอลต์ด้วย (ทำให้เป็นน้ำข้น)

แต่ในที่สุดก็ทำเสร็จทั้งสองอย่าง

พอทำอาหารเสร็จ ก็เอามาตั้งที่โต๊ะ แล้วก็ต้องตักแบ่งไปให้อาจารย์กินทุกกลุ่ม เพื่อประกวดกัน

แล้วที่อยากจะบอกก็คือ
ต้มยำกุ้งของกลุ่มเรา ชนะที่ 1 อ่ะ
ไม่อยากจะเชื่อ โวยวาย วี้ดวิ้วกันอยู่สักพัก

หลังจากนั้นก็สอนการดูดาว
แต่เนื่องจากฝนตก มีเมฆมาก ฟ้าปิด ดูไม่ได้ ก็สอนๆ ไป แต่ไม่ได้ดู
หลังจากนั้นก็ให้เข้านอน
ต้องแย่งห้องน้ำกันสุดๆ (แต่วางแผนไว้แล้ว ว่าต้องกลับเต๊นท์เร็วๆ แล้วไปห้องน้ำคนแรก)
หลังจากนั้นก็เข้านอน
เข้านอนเร็วมาก เนื่องจากไม่ได้เอาอุปกรณ์เพื่อความบันเทิงอะไรไปเลย เซงสุดๆ

วันที่สอง ฮ่าๆ วันนี้แหละ เดินป่า
ก็ตื่นมา กินข้าว (ไม่ต้องทำเองและ) เคารพธงชาติ สวดมนต์
แล้วตอน 9 โมงเช้าก็ออกเดินทางเพื่อเดินป่าได้
ชุดที่ใส่นี่เตรียมเดินป่าสุดๆ เพราะฉนั้น
ไม่ต้องมาถามถึงรูป เพราะไม่ค่อยมี ไม่อยากถ่ายสภาพตัวเองตอนนั้น
เดินๆไปก็ต้องลุยน้ำ ลงน้ำประมาณครึ่งตัวได้
รองเท้า กางเกงเน่ามาก เสื้อก็ด้วย
เพราะขึ้นจากน้ำ ก็เดินป่า ก็เป็นโคลน
ฝนก็ตกทั้งวัน มาที่นี่เดินตากฝนเป็นเรื่องธรรมดา

การเดินป่าเนี่ย
หลักๆที่เจอก็มีสองอย่าง
ลุยน้ำ สนุกดี น้ำเย็นดี
กับเดินบนพื้นป่า ดินเป็นโคลน ยวบๆ เดินก็มีโคลนกระเด็นๆ
ฝนก็ตก

และที่สำคัญคือ ตอนกินข้าวนี่แหละ ฝนก็ตกลงมา
ก็ใส่เสื้อกันฝน แล้วก็นั่งกินข้าว
ข้าวก็เป็นข้าวสวยกับหมู หมูแข็งมาก เค็มด้วย แล้วฝนก็ตกลงบนข้าว
แต่ก็ต้องกิน เหอๆ

กลับออกมาจากป่านี่สภาพแบบเน่าสุดๆ
ก็ต้องรีบอาบน้ำ แต่ก็มีคนมากมาย
แต่บังเอิญเจอห้องน้ำที่ไม่ค่อยมีใครรู้ ก็ได้อาบก่อนอีกแล้ว (โชคดีจริงๆ)

หลังจากนั้น ก็นอนเล่น
จนถึงประมาณ 5 โมงเย็น
ก็กินข้าว
และทุกกลุ่มก็ต้องแสดงละครเรื่อง ฟ้าจรดทราย
ไม่อยากจะพูดถึงมัน เพราะเน่ามาก

แต่ชอบละครของกลุ่มศิลปกรรมมาก ทุ่มเทสุดๆ

ต่อจากนั้นก็เข้านอน ฝนก็ตกลงมาอีก หนักบ้างบางที แต่ส่วนใหญ่จะตกเบาๆ
ประมาณว่า ตลอดค่ายเนี่ย ฝนตกเกือบตลอด ตกประมาณครั้งละ 5 นาที ตกถี่มาก

เพราะฉนั้น ต้องขอบคุณบีมอีกครั้งสำหรับเต๊นท์ดีๆของบีม

แล้ววันที่ 3 วันสุดท้าย ก็ตื่นสายตื่นมาก็เกือบ 8 โมง แล้วต้องไปเคารพธงชาติด้วย
ก็ต้องรีบ ล้างหน้า แปรงฟัน
แล้วก็วิ่งไปเคารพธงชาติ
ต่อจากนั้น ก็กินข้าว เช้า
แล้วก็ต้องรีบไปอาบน้ำ เก็บของ เก็บเต๊นท์ เตรียมกลับ
ถ่ายรูปร่วมกัน

และแล้วก็ถึงเวลาเดินทางกลับ
ตอนกลับก็ยังลำบากอีก เพราะว่าไปเข้าห้องน้ำก่อนกลับ พอออกมา ฝนก็ตกหนัก
ก็ต้องวิ่งฝ่าฝนไปที่รถ
ตัวเปียกไปหมด

รถก็ออกเดินทาง แวะร้านขายของฝาก ก็ซื้ออะไรเล็กน้อย
กินข้าว และก็ถึงกรุงเทพฯ

ค่ายนี้ก็เป็นค่ายที่แบบเน่าสุดๆ แล้ว
อาจจะรองจากค่ายเนตรนารีตอนเด็กๆ
แต่ก็สมบุกสมบันทีเดียว แล้วก็ธรรมชาติสุดๆ
อีกอย่าง ไปอยู่ที่นั่น ก็เดินตากฝนเป็นเรื่องธรรมดามาก
แต่ก็ไม่รู้ว่า ทำไมเวลาอยู่กรุงเทพ เวลาฝนตกถึงต้องหลบ

อาจจะเป็นเพราะบรรยากาศพาไปก็ได้



การย้อนกลับสมมติฐานเพื่อหา idea ใหม่


วันศุกร์ที่ผ่านมา
อาจารย์มาสอนช้า ก็ต้องโยนjuggling กันไปพลางๆ
เพื่อรออาจารย์มาสอน

เมื่ออาจารย์มาสอน ก็เป็นการสอนต่อจากคราวที่แล้ว
การหาไอเดียใหม่
อาทิตย์นี้เป็นการหาไอเดียใหม่จาก การย้อนกลับสมมติฐาน

ก็ยกตัวอย่างเลยแล้วกัน เพื่อความเข้าใจ
เช่น ร้านอาหาร
สมมติฐานทั่วไปของลักษณะของร้านอาหารก็มีดังนี้
มีเมนู
มีพนักงานเสิร์ฟ
มีโตีะเก้าอี้ให้นั่งกิน
บริการอาหาร

เราก็ย้อนกลับเป็น
ไม่มีเมนู -> มีวัตถุดิบวางหน้าร้าน ให้เลือกแล้วให้ลูกค้าสั่งว่าจะให้ทำอะไร
ไม่มีพนักงานเสิร์ฟ -> เป็นร้านอาหารบริการตนเอง
ไม่มีโต๊ะเก้าอี้ให้นั่งกิน -> เป็นร้านอาหารเดินกิน อาจจะขาย cocktail พอดีคำ
บริการอาหาร -> อาจจะบริการอย่างอื่นด้วย เช่น ร้านหนังสือ ร้านกาแฟ

วิธีการนี้ก็ทำให้เราเกิดไอเดียใหม่ๆ ได้เหมือนกัน

แต่บางทีการที่เราเคยชินกับอะไรบางอย่างแล้ว
เมื่อถึงคราวที่ต้องเปลี่ยนแปลง บางครั้งการเปลี่ยนแปลงนั้นก็ทำได้ยาก
อย่างเช่น keyboard แบบ QWERTY

คุณเคยคิดไหมว่า ทำไม keyboard ต้องเป็นแบบ QWERTY
บางคนอาจจะตอบว่า เพราะว่าเป็นแบบที่พิมพ์ง่าย
ตัวอักษรที่ใช้บ่อยอยู่ใกล้

แต่ลองสังเกตดูอีกทีสิ
คุณจะพบว่า อักษรที่ใช้บ่อยๆ จะอยู่ในตำแหน่งที่ไม่เหมาะสมอย่างมาก เช่น
ตัว A อยู่ที่นิ้วก้อยซ้าย
และตัวที่อยู่กลางๆ พิมพ์ง่ายๆ จะไม่ใช่ตัวอักษรที่ใช้บ่อย

ที่เป็นอย่างนี้ ก็เพราะว่า keyboard นี้คิดค้นขึ้นมา เพื่อให้พิมพ์ได้ช้า
เนื่องจาก keyboard นี้ใช้มาตั้งแต่ยุคที่ยังเป็นเครื่องพิมพ์ดีด
ถ้าพิมพ์เร็วเกินไป จะทำให้แป้นพิมพ์มันติด
เคยลองพิมพ์เร็วๆด้วยเครื่องพิมพ์ดีดแล้ว ก็ติดจริงๆ

แต่ปัจจุบัน เราใช้คอมพิวเตอร์กัน มันคงไม่มีการที่แป้นพิมพ์ติดแล้ว
แต่ทำไมไม่มีใครเปลี่ยนแป้นพิมพ์หละ
ที่จริง เคยมีคนคิดค้น keyboard แบบใหม่แล้ว
แต่คนก็ไม่นิยมใช้กัน เนื่องจากชินกับแบบ QWERTY แล้ว

เพราะฉนั้น คนเราก็ไม่ได้ต้องการเพียงแต่ idea ใหม่แล้วจะ work
ก็ต้องดูปัจจัยอย่างอื่นด้วย

นอกจากการเรียนแล้ว อาทิตย์นี้ก็ยังได้รับผลการประเมิน
คุณลักษณะเด่นของตัวเอง
ก็ขอเก็บไว้ ไม่เขียนใน blog ละกัน

ที่สำคัญ อาทิตย์นี้อาจารย์ได้ให้การบ้านสองอย่าง คือ
ให้คิด project งานเดี่ยว 1 อย่าง
งานกลุ่ม 3 คน 1 อย่าง
ที่สร้างสรรค์

โอ่ว จะทำอะไรดีเนี่ย

Friday, August 7, 2009

การตั้ง tent กับ การจะไปเดินป่า


วันพุธ ตอนเย็นก็มีเรียนวิชา rec camp
แต่วันนี้แตกต่างออกไป เพราะว่าต้องไปกางเต้นท์ให้อาจารย์ดู
ว่ากางเป็นหรือเปล่า

ก็หาเต้นท์ได้แล้วจากเพื่อนคนนึง
ก็แบกไป กางที่สนามที่วิทย์กีฬา
ตอนแรก นึกว่าแปบเดียวจะเสร็จ
ก็กางชิวๆ ไป

กว่าจะเสร็จจริงจัง
ก็นานมาก แล้วก็เหงื่อท่วมสุดๆ

เต้นท์ก็ใหญ่มากทีเดียว
ประมาณว่าเข้าไปอยู่แล้วกระโดดตบได้เลยทีเดียว
เต้นท์ดีมากๆ

ก็ึคงจะงงว่าทำไมต้องกางเต้นท์ให้อาจารย์ตรวจด้วย
เพราะว่าเสาร์ อาทิตย์ จันทร์นี้ต้องไป

"เดินป่า"

จริงๆแล้วเคยเดินป่าแล้วครั้งนึงที่เขาใหญ่
เดินกับเพื่อน แบบมีไกด์ของอุทยานพาไป

แต่คราวนี้ ความรู้สึกมันช่างแตกต่าง
เพราะอาจารย์บอกว่าให้เตรียมของอะไรไปแบบว่า
เดินลุยป่าจริงจัง
เอาภาพมาให้ดู ก็แบบ
โอ่ นี่มันเดินป่าจริงจังจริงๆนะเนี่ย
เพราะว่ารูปที่อาจารย์เอามาให้ดูเนี่ย
แต่งชุดเดินป่า แบบในสารคดีเลย

แล้วอาจารย์ก็ยังเล่าว่า
มีรุ่นนึงไปกับอาจารย์ แล้วหุงข้าว
ตักน้ำมาหุงข้าว
ก็หุงๆไป พอสุก ก็มาดู
ก็ตกใจ เพราะว่ามีแมลงอยู่ในนั้นตัวเบ้อเริ่ม

พูดงี้ก็หมายความว่า ต้องไปเดินป่าจริงจังสินะ

น่ากลัวอ่ะ เราจะต้องไปเจอกับเห็บ และก็ทากด้วยสินะ
ถึงให้เตรียมถุงกันทากไปด้วย

ฮือๆ
วันจันทร์ตอนกลับมา สภาพจะเป็นไงก็ไม่รู้
คงเน่าน่าดูเลยเรา

เหอๆ


๛ PouNdPoN (●>ω<●) ๛