-- * Story of My Life * --
PouNdPoN (●>ω<●)

Wednesday, August 12, 2009

REC CAMP กับการเดินป่าสุดโหด

วิชาเลือกวิชานี้ต้องมีการไปค่าย
และคราวก่อนๆก็ได้ลงเรื่องการสอบการกางเต๊นท์ไปแล้ว

เมื่อวันที่ 8-10 สิงหาคม ก็ต้องไปค่ายของจริง
ก็เตรียมของไป คราวนี้เตรียมของไปน้อยกว่าไปเที่ยวปกติ
แล้วกระเป๋าก็เล็กทีเดียว
เอาแต่ที่จำเป็นไป

ก็ออกเดินทางจากกรุงเทพ ตอนประมาณ 8.30 am
จุดหมายปลายทางอยู่ที่ อุทยานแห่งชาติกุยบุรี ประจวบฯ
เดินทางนานมาก เพราะแวะปั๊มบ่อยมาก

และด่านความทรมานด่านแรก ก็คือ
การกินข้าวในรถ ไม่แอร์
ก็คิดดูว่า กินข้าว ในรถที่ลมพัดแรงมาก และโยกไปมา
ต้องเกร็งกันสุดชีวิต กลัวข้าวหกเลอะ
แต่ก็ผ่านไปได้

เมื่อไปถึงอุทยาน
ก็ต้องกางเต๊นท์
ต้องเลือกทำเลเอง ก็เลือกๆกัน
ทำเลที่เลือกอยู่ติดห้องน้ำที่สุด
และตอนแรกไม่มีใครอยู่ใกล้เลย แต่ตอนหลังก็เริ่มมีมาอยู่ติดๆกัน
ก็กางเต๊นท์ไปไม่ยากเย็น
เต๊นท์ใหญ่มาก และดีมาก ต้องขอบคุณ บีมด้วยสำหรับเต๊นท์

หลังจากกางเต๊นท์เสร็จ อาจารย์ก็เรียกรวมกัน
ทุกกลุ่มต้องทำอาหารกินเอง
แต่อาจารย์ลืมเอาหม้อสนามมา (ถือเป็นโชคดีนะนั่น)
ก็เลยให้ใช้หม้อ กับกระทะ
โดยต้องทำเมนูผัดพริกแกงถั่ว กับต้มยำกุ้ง

ตอนทำ ตื่นเต้นมาก
และที่เด็ดสุดๆ ก็คือ
ตอนทำต้มยำกุ้ง
ไฟมันเริ่มมอดแล้ว ตอนจะเริ่มทำ ก็ใส่ถ่านเพิ่ม
แล้วก็มีเทถ่านในถุงลงไป แต่ปรากฏว่าในถุงมีไฟแช๊คอยู่
อ่าว ทำไงอ่ะทีนี้ ดุ่ยก็พยายามเขี่ยออก แต่ไม่สำเร็จ
ปรากฏหลังจากไฟแช๊คตกลงไปได้ไม่นานนัก
ก็เกิดไฟลุกพรึ่บขึ้นมา ฮ่าๆๆ
แต่ไม่ได้ไหม้อะไร แล้วไฟก็เผาไหม้ปกติไป

ต่อจากนั้นก็ทำต้มยำกุ้งปกติ แต่ตอนปรุงนี่สิ
มันไม่อร่อยซะที
ก็ปรุงๆกัน ใส่มะนาวเทียมไปประมาณ ครึ่งขวด น้ำปลาประมาณเยอะอยู่
นอกจากนี้ก็ยังมี นมตราหมีไวท์มอลต์ด้วย (ทำให้เป็นน้ำข้น)

แต่ในที่สุดก็ทำเสร็จทั้งสองอย่าง

พอทำอาหารเสร็จ ก็เอามาตั้งที่โต๊ะ แล้วก็ต้องตักแบ่งไปให้อาจารย์กินทุกกลุ่ม เพื่อประกวดกัน

แล้วที่อยากจะบอกก็คือ
ต้มยำกุ้งของกลุ่มเรา ชนะที่ 1 อ่ะ
ไม่อยากจะเชื่อ โวยวาย วี้ดวิ้วกันอยู่สักพัก

หลังจากนั้นก็สอนการดูดาว
แต่เนื่องจากฝนตก มีเมฆมาก ฟ้าปิด ดูไม่ได้ ก็สอนๆ ไป แต่ไม่ได้ดู
หลังจากนั้นก็ให้เข้านอน
ต้องแย่งห้องน้ำกันสุดๆ (แต่วางแผนไว้แล้ว ว่าต้องกลับเต๊นท์เร็วๆ แล้วไปห้องน้ำคนแรก)
หลังจากนั้นก็เข้านอน
เข้านอนเร็วมาก เนื่องจากไม่ได้เอาอุปกรณ์เพื่อความบันเทิงอะไรไปเลย เซงสุดๆ

วันที่สอง ฮ่าๆ วันนี้แหละ เดินป่า
ก็ตื่นมา กินข้าว (ไม่ต้องทำเองและ) เคารพธงชาติ สวดมนต์
แล้วตอน 9 โมงเช้าก็ออกเดินทางเพื่อเดินป่าได้
ชุดที่ใส่นี่เตรียมเดินป่าสุดๆ เพราะฉนั้น
ไม่ต้องมาถามถึงรูป เพราะไม่ค่อยมี ไม่อยากถ่ายสภาพตัวเองตอนนั้น
เดินๆไปก็ต้องลุยน้ำ ลงน้ำประมาณครึ่งตัวได้
รองเท้า กางเกงเน่ามาก เสื้อก็ด้วย
เพราะขึ้นจากน้ำ ก็เดินป่า ก็เป็นโคลน
ฝนก็ตกทั้งวัน มาที่นี่เดินตากฝนเป็นเรื่องธรรมดา

การเดินป่าเนี่ย
หลักๆที่เจอก็มีสองอย่าง
ลุยน้ำ สนุกดี น้ำเย็นดี
กับเดินบนพื้นป่า ดินเป็นโคลน ยวบๆ เดินก็มีโคลนกระเด็นๆ
ฝนก็ตก

และที่สำคัญคือ ตอนกินข้าวนี่แหละ ฝนก็ตกลงมา
ก็ใส่เสื้อกันฝน แล้วก็นั่งกินข้าว
ข้าวก็เป็นข้าวสวยกับหมู หมูแข็งมาก เค็มด้วย แล้วฝนก็ตกลงบนข้าว
แต่ก็ต้องกิน เหอๆ

กลับออกมาจากป่านี่สภาพแบบเน่าสุดๆ
ก็ต้องรีบอาบน้ำ แต่ก็มีคนมากมาย
แต่บังเอิญเจอห้องน้ำที่ไม่ค่อยมีใครรู้ ก็ได้อาบก่อนอีกแล้ว (โชคดีจริงๆ)

หลังจากนั้น ก็นอนเล่น
จนถึงประมาณ 5 โมงเย็น
ก็กินข้าว
และทุกกลุ่มก็ต้องแสดงละครเรื่อง ฟ้าจรดทราย
ไม่อยากจะพูดถึงมัน เพราะเน่ามาก

แต่ชอบละครของกลุ่มศิลปกรรมมาก ทุ่มเทสุดๆ

ต่อจากนั้นก็เข้านอน ฝนก็ตกลงมาอีก หนักบ้างบางที แต่ส่วนใหญ่จะตกเบาๆ
ประมาณว่า ตลอดค่ายเนี่ย ฝนตกเกือบตลอด ตกประมาณครั้งละ 5 นาที ตกถี่มาก

เพราะฉนั้น ต้องขอบคุณบีมอีกครั้งสำหรับเต๊นท์ดีๆของบีม

แล้ววันที่ 3 วันสุดท้าย ก็ตื่นสายตื่นมาก็เกือบ 8 โมง แล้วต้องไปเคารพธงชาติด้วย
ก็ต้องรีบ ล้างหน้า แปรงฟัน
แล้วก็วิ่งไปเคารพธงชาติ
ต่อจากนั้น ก็กินข้าว เช้า
แล้วก็ต้องรีบไปอาบน้ำ เก็บของ เก็บเต๊นท์ เตรียมกลับ
ถ่ายรูปร่วมกัน

และแล้วก็ถึงเวลาเดินทางกลับ
ตอนกลับก็ยังลำบากอีก เพราะว่าไปเข้าห้องน้ำก่อนกลับ พอออกมา ฝนก็ตกหนัก
ก็ต้องวิ่งฝ่าฝนไปที่รถ
ตัวเปียกไปหมด

รถก็ออกเดินทาง แวะร้านขายของฝาก ก็ซื้ออะไรเล็กน้อย
กินข้าว และก็ถึงกรุงเทพฯ

ค่ายนี้ก็เป็นค่ายที่แบบเน่าสุดๆ แล้ว
อาจจะรองจากค่ายเนตรนารีตอนเด็กๆ
แต่ก็สมบุกสมบันทีเดียว แล้วก็ธรรมชาติสุดๆ
อีกอย่าง ไปอยู่ที่นั่น ก็เดินตากฝนเป็นเรื่องธรรมดามาก
แต่ก็ไม่รู้ว่า ทำไมเวลาอยู่กรุงเทพ เวลาฝนตกถึงต้องหลบ

อาจจะเป็นเพราะบรรยากาศพาไปก็ได้



1 comment:

  1. ทำไมพอไฟแช็คระเบิดถึงหัวเราะอย่างสะใจหละจอน
    เหอๆ

    ReplyDelete